วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกครั้งที่ 2
วันที่ 20 มกราคม 2560


บรรยกาศในห้องเรียน

วันนี้อาจารย์สอนเรื่อง ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ






ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง
มีความเป็นเลิศทางสติปัญญา  เรียกโดยทั่ว ๆ ไปว่า “เด็กปัญญาเลิศ”




เด็กปัญญาเลิศ (Gifted Child)
-เด็กที่มีความสามารถทางสติปัญญา

-มีความถนัดเฉพาะทางสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
ลักษณะของเด็กปัญญาเลิศ
-พัฒนาการทางร่างกายและจิตใจสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
-เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
-อยากรู้อยากเห็นอย่างจริงจัง ชอบซักถาม
-มีเหตุผลในการแก้ปัญหา  การใช้สามัญสำนึก
-จดจำได้รวดเร็วและแม่นยำ
-มีความรู้ ใช้คำศัพท์เกินวัย
-มีความคิดริเริ่ม มีวิธีการคิดและแนวคิดแปลกๆ
-เป็นคนตื่นตัว เฉียบแหลม ว่องไว และช่างสังเกต
-มีแรงจูงใจ และมีความมานะบากบั่นมีความจริงจังในการทำงาน
-ชอบแสวงหาสิ่งท้าทายความคิดความอ่าน


2.  กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
-เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
-เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
-เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
-เด็กที่บกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
-เด็กที่บกพร่องทางการพูดและภาษา
-เด็กที่บกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
-เด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้
-เด็กออทิสติก
-เด็กพิการซ้อน 
1. เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา 
(Children with Intellectual Disabilities)
หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปัญญา หรือเชาว์ปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบเด็กในระดับอายุเดียวกันมี 2 กลุ่ม คือ เด็กเรียนช้า และเด็กปัญญาอ่อน


เด็กเรียนช้า
  - สามารถเรียนในชั้นเรียนปกติได้
  - เด็กที่มีความสามารถในการเรียนล่าช้ากว่าเด็กปกติ
  - ขาดทักษะในการเรียนรู้
  - มีความบกพร่องทางสติปัญญาเพียงเล็กน้อย
  - มีระดับสติปัญญา (IQ) ประมาณ 71-90 

สาเหตุภายนอก
 -เศรษฐกิจของครอบครัว
 -การสร้างเสริมประสบการณ์ให้แก่เด็ก
 -สภาวะทางด้านอารมณ์ของคนในครอบครัว
 -การเข้าเรียนไม่สม่ำเสมอ
 -วิธีการสอนไม่มีประสิทธิภาพ
สาเหตุภายใน
•พัฒนาการช้า
•การเจ็บป่วย

เด็กปัญญาอ่อน


















- ระดับสติปัญญาต่ำ
  - พัฒนาการล่าช้าไม่เหมาะสมกับวัย
  - มีพฤติกรรมการปรับตนบกพร่อง

  - อาการแสดงก่อนอายุ 18

เด็กปัญญาอ่อน
แบ่งตามระดับสติปัญญา (IQ) ได้ 4 กลุ่ม



 1. เด็กปัญญาอ่อนขนาดหนักมาก IQ ต่ำกว่า 20
  - ไม่สามารถเรียนรู้ทักษะด้านต่าง ๆ ได้เลย
  - ต้องการเฉพาะการดูแลรักษาพยาบาลเท่านั้น

 2. เด็กปัญญาอ่อนขนาดหนัก IQ 20-34
•ไม่สามารถเรียนได้ ต้องการเฉพาะการฝึกหัดการช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันเบื้องต้นง่าย ๆ
•กลุ่มนี้เรียกโดยทั่วไปว่า C.M.R (Custodial Mental Retardation)
3. เด็กปัญญาอ่อนขนาดปานกลาง IQ 35-49
  - พอที่จะฝึกอบรมและเรียนทักษะเบื้องต้นง่าย ๆ ได้
  - สามารถฝึกอาชีพ หรือทำงานง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้ความละเอียดลออได้
  - เรียกโดยทั่วไปว่า T.M.R (Trainable Mentally Retarded)
4. เด็กปัญญาอ่อนขนาดน้อย IQ 50-70
•เรียนในระดับประถมศึกษาได้
•สามารถฝึกอาชีพและงานง่าย ๆ ได้
เรียกโดยทั่ว ๆ ไปว่า E.M.R (Educable Mentally Retarded) 
ลักษณะเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
-ไม่พูด หรือพูดได้ไม่สมวัย
-ช่วงความสนใจสั้น วอกแวก
-ความคิด และอารมณ์ เปลี่ยนแปลงง่าย รอคอยไม่ได้
-ทำงานช้า
-รุนแรง ไม่มีเหตุผล
-อวัยวะบางส่วนมีรูปร่างผิดปกติ กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
-ช่วยตนเองได้น้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
ดาวน์ซินโดรม Down Syndrome





      














เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 ที่พบบ่อยคือโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง (Trisomy 21)
อาการ
-ศีรษะเล็กและแบน  คอสั้น
-หน้าแบน ดั้งจมูกแบน
-ตาเฉียงขึ้น ปากเล็ก
-ใบหูเล็กและอยู่ต่ำ รูหูส่วนนอกจะตีบกว่าปกติ
-เพดานปากโค้งนูน ขากรรไกรบนไม่เจริญเติบโต
-ช่องปากแคบ ลิ้นยื่น ฟันขึ้นช้าและไม่เป็นระเบียบ
-มือแบนกว้าง นิ้วมือสั้น
-เส้นลายมือตัดขวาง นิ้วก้อยโค้งงอ



-ช่องระหว่างนิ้วเท้าที่ 1 และ 2 กว้าง
-มีความผิดปกติในระบบต่างๆ ของร่างกาย
-บกพร่องทางสติปัญญาระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
-อารมณ์ดีเลี้ยงง่าย ร่าเริง เป็นมิตร
-มีปัญหาในการใช้ภาษาและการพูด
-อวัยวะเพศมักเจริญเติบโตไม่เต็มที่ทั้งในชายและหญิง

2. เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
 (Children with Hearing Impaired ) 
















หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่อง หรือสูญเสียการได้ยิน
เป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน

มี 2 ประเภท คือ เด็กหูตึง และ เด็กหูหนวก 

เด็กหูตึง
  หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยิน แต่สามารถรับข้อมูลได้ โดยใช้เครื่องช่วยฟัง จำแนกกลุ่มย่อยได้ 4 กลุ่ม
เด็กหูหนวก
   - เด็กที่สูญเสียการได้ยินมากถึงขนาดที่ทำให้หมดโอกาสที่จะเข้าใจภาษาพูดจากการได้ยิน
   - เครื่องช่วยฟังไม่สามารถช่วยได้
   - ไม่สามารถเข้าใจหรือใช้ภาษาพูดได้
   - ระดับการได้ยินตั้งแต่ 91 dB ขึ้นไป

3. เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
 (Children with Visual Impairments) 

- เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนราง
  - มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง
  - สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ
  - มีลานสายตากว้างไม่เกิน 30 องศา
จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ เด็กตาบอด และ เด็กตาบอดไม่สนิท 


การนำไปใช้
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเภทของเด็กพิเศษที่หลากหลายได้รู้ถึงความหมายและลักษณะอาการขงแต่ละโรคซึ่งสามารถนำไปสังเกตและนำความรู้ไปใช้ได้

การประเมินผล
ประเมินตนเอง
มาตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม และร่วมกิจกรรมในห้อง
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆส่วนใหญ่มาตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียนโดยส่วนใหญ่
ประเมินอาจารย์
อาจารย์น่ารักมากๆ มตรงเวลา มีการเตรียมตัวมาพร้อมในการเรียนการสอนอยู่เสมอ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น